สถาปัตยกรรมจังหวัดปัตตานี
มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
ที่ตั้งของมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
มัสยิดกลางปัตตานี ตั้งอยู่ถนนยะรัง ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี เลขทะเบียนที่ 249 มีประวัติความเป็นมาดังนี้
ประวัติความเป็นมา
ในปีพุทธศักราช 2497 ได้ตระหนักถึงความสำคัญของศาสนาอิสลามว่าเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวปัตตานีส่วนใหญ่นับถืออย่างเคร่งครัด อันจะนำมาซึ่งสันติสุข ประกอบกับในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม (มุสลิม) เป็นจำนวนมาก สมควรที่จะสร้างมัสยิดกลางที่มีขนาดใหญ่ และสวยงามขึ้นเพื่อเป็นศรีสง่าแก่ชาวไทย ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศตลอดจนเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ ของชาวไทยมุสลิม จึงได้พิจารณาพื้นที่บริเวณริมถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 55 ตารางวา คระรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติงบประมาณสำหรับการก่อสร้างมัสยิดกลางปัตตานีขึ้น โดย ฯพณฯ พลตำรวจเอก เผ่าศรียานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้นได้เดินทางมาวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2500 เวลา 10.00 น.
มัสยิดกลางแห่งนี้ใช้เวลาในการสร้างและตกแต่งเป็นเวลา 9 ปีกว่าแล้วเสร็จ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้เดินทางมาประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและมอบมัสยิดแห่งนี้ใหแก่ชาวไทยมุสลิมจังหวัดปัตตานี โดยตั้งชื่อว่า “มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี” มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีสร้างเป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น รูปทรงคล้าย “ทัชมาฮาล” ประเทศอินเดีย ตรงกลางเป็นอาคารมียอดโมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้างสูงเด่นเป็นสง่า บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้าง ภายในห้องโถงมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบเป็นที่สำหรับ “คอเต็บ” ยืนอ่านคุฏบะฮ์ในการละหมาดวันศุกร์ หอคอยสองข้างนี้เดิมใช้เป็นหอกลางสำหรับตีกลอง เป็นสัญญาณเรียกให้มุสลิมาร่วมปฏิบัติศาสนกิจ ต่อมาใช้เป็นที่ติดตั้งลำโพง เครื่องขยายเสียงแทนเสียงกลอง ปัจจุบันขยายด้านข้างออกไปทั้ง 2 ข้างและสร้างหอบัง (อะซาน) พร้อมขยายสระน้ำและที่อาบน้ำละหมาดให้ดูสง่างามยิ่งขึ้น ภายในมัสยิดประดับด้วยหินอ่อนอย่างสวยงาม
เมื่อวันที่21 ตุลาคม 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เพื่อพบปะเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลามและประชาชน ณ มัสยิดกลางปัตตานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับฯพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(นายสัมพันธ์ ทองสมัคร)ให้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงอาคารมัสยิดกลางปัตตานี
กระทรวงการศึกษาธิการจึงได้กำหนดให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองศิริราชสมบัติเป็นปีที่ 50 พ.ศ.2539
-วันที่ 11 พฤษจิกายน2536 ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี(นายพลากร สุวรรณรัฐ)ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดปัตตานี ที่ 1627/2536 แต่งตั้งคณะทำงานเอประสานและติดตามงานต่อเติมอาคารมัสยิดกลางปัตตานี จำนวน 12 คน
-วันที่ 17 ธันวาคม 2536 เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ประกอบด้วย สถาปนิก และนายช่างโยธา ได้มาสำรวจอาคารมัสยิดกลางเพื่อออกแบบปรับปรุงต่อเติม
-วันที่ 22 ธันวาคม 2536 ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายปราโมทย์ สุขุม ได้เชิญ นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร รองผู้ว่าราชการจงหวัดปัตตานี นายสวัสดิ์ แก้วสมบูรณ์ ผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี นายนิเดร์ วาบา ดาโต๊ะยุติธรรมปัตตานี นายอับดุลวาฮับอับดุลวาฮับ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นายนิเล็ก สุไลมาน เทศมนตรีเมืองปัตตานี เพื่อร่วมประชุมวางแผนการบูรณะขยายอาคารมัสยิดกลางปัตตานี ซึ่งที่ประชุมได้มติ ดังนี้
1. บูรณะและขยายอาคารให้ยึดรูปแบบเดิม
2. ขยายและต่อเติมอาคารออกทั้ง 2 ข้าง
3. เพิ่มหออะซาน 2 หอ
4. ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานผลิตในประเทศไทย
-วันที่ 19 เมษายน 2537 กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้กรมศาสนา เป็นผู้ออกแบบและกำหนดงบประมาณ ในการบูรณะต่อเติมเป็นเงิน 35,212,000 บาท (สามสิบหห้าล้านสองแสนหนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน)คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติตามหนังสือ สร 0202/10614 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2537 ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอแปรญัตติ เพื่อของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2538จำนวน 12 ล้านบาท และส่วนที่เหลือให้งบประมาณผูกพันในปี 2539 และปี 2540 แต่ปรากฏว่าในงบประมาณ 2538 ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแต่อย่างใด
จากการติดตามการจัดตั้งงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งงบประมาณในปี 2539 เป็นเงิน 30 ล้านบาทปีงบประมาณ 2540 เป็นเงิน 5.212 ล้านบาท และจากการประสานงานทราบว่า สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณปรับปรุงสิ่งก่อสร้างเพียง 4,601,100 บาทเท่านั้น
จังหวัดได้มีหนังสือ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายบรรหาร ศิลปะอาชา) ผู้นำฝ่ายค้าน (นายชวน หลีกภัย) ผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานี (นายสุขุม สุไลมาน) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) เพื่อได้บูรณะต่อเติมมัสยิดกลางให้แล้วเสร็จสมบูรณ์
-วันที่ 14 กันยายน 2546 สมเด็จพระบรมโอราธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินพระราช ทานรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการประอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกรุอ่านแห่งประเทศไทย ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ผู้ชนะเลิศฝ่ายชายคือ นายสุกรี บันบา ผู้แทนจากจังหวัดนครนายก รองชนะเลิศอันดับ 1 นายอาหามะ กาแว ผู้แทนจากจังหวัดกระบี่ รองชนะเลิศอันดับ 2 นายอุสมาน โต๊ะอาลี ผู้แทนจากจังหวัดยะลาและผู้ชนะเลิศฝ่ายหญิง คือ นางสาวฮาวา หมัดหมุด ผู้แทนจากจังหวัดเพขรบุรี รองชนะเลิศอันดับ 1 นางซามีฮะ ตะโต๊ะดิง ผู้แทนจากจังหวัดปัตตานี รองชนะเลิศอันดับ 2 นางมัยดีนา สว่างลิขิต ผู้แทนจากจังหวัดยะลา
มัสยิดกลางปัตตานีส่วนใหญ่จะใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจ (ละหมาด) วันละ 5 เวลา เป็นกิจวัตรประจำวันใช้ในการละหมาดวันศุกร์ และการละหมาดในวันตรุษต่างๆ โดยมีชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ปัตตานี และพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในวันศุกร์และวันเสาร์ จะมีการบรรยายธรรมะมีผู้เข้าฟังการบรรยาย ประมาณครั้งละ 3,000 คน เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในหลักการของศาสนา และเพื่อความถูกต้องในการบำเพ็ญศาสนกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น